Wonka: ภาพยนตร์แฟนตาซีที่คล้ายกัน 10 เรื่องที่คุณไม่ควรพลาด

Wonka เป็นผลงานการกำกับของ Paul King เรื่อง 'Wonka' เป็นภาพยนตร์แนวผจญภัยแนวแฟนตาซีปี 2023 ที่ติดตาม Wonka ตัวละครจากนวนิยายของ Roald Dahl เรื่อง Charlie and the Chocolate Factory เรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ของวองก้ากับกลุ่มช็อกโกแลตและตำรวจที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา เพื่อเปิดร้านของตัวเองและกลายเป็นนักช็อกโกแลตเต็มตัว เขามาพร้อมกับเด็กสาวชื่อบะหมี่ และอุมป้า ลุมปาที่เหมือนนางฟ้าชื่อลอฟตี้ นักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ค้นพบวิธีที่สร้างสรรค์ในการเอาชนะกลุ่มพันธมิตรและสร้างช็อคโกแลตของตัวเองเพื่อแบ่งปันกับทุกคน

การเดินทางทางดนตรีที่สดใสของวองก้ามาพร้อมกับอารมณ์ขันที่แปลกประหลาด ภาพที่น่าทึ่ง และการแสดงที่เป็นตัวเอกของนักแสดง เมล็ดธัญพืช ตระกูล ผู้ให้ความบันเทิงออกจากบทเรียนเรื่องมิตรภาพ การทำงานที่ขัดแย้ง เชื่อมั่นในตนเอง และแบ่งปันความสุขกับผู้อื่น นี่คือภาพยนตร์บางเรื่องเช่น 'Wonka' ที่ดึงดูดเราเข้าสู่เรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ของพวกเขาและพาเราไปผจญภัยที่น่าตื่นเต้นพร้อมเสียงหัวเราะมากมายตลอดทาง

10. มาเลฟิเซนต์ (2014)

'Maleficent' กำกับการแสดงโดยโรเบิร์ต สตรอมเบิร์ก นำเสนอเทพนิยายคลาสสิกของเจ้าหญิงนิทราด้วยการนำเสนอมุมมองที่สดใหม่เกี่ยวกับตัวร้ายผู้โด่งดัง ภาพยนตร์เจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังของมาเลฟิเซนต์ (แองเจลินา โจลี) เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอจากนางฟ้าผู้ใจดีที่อาศัยอยู่ในทุ่งเวทมนตร์ไปสู่ร่างที่ถูกเข้าใจผิดและถูกดูหมิ่น เรื่องราวดำเนินไปอย่างมืดมนเมื่อมาเลฟิเซนต์สาปแช่งออโรร่า ลูกสาวของกษัตริย์สเตฟานอย่างไม่อาจเพิกถอนได้ เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับผู้ทรยศ

โดยไม่คาดคิด มาเลฟิเซนต์กลายเป็นผู้พิทักษ์ตัวแทนของเจ้าหญิงน้อย พัฒนาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแหวกแนว ออโรร่าเติบโตเป็นเด็กสาว โดยไม่รู้ถึงบทบาทของมาเลฟิเซนต์ในอดีตของเธอ เช่นเดียวกับ 'Wonka' ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละครลึกลับในภาพยนตร์เด็กคลาสสิก ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังที่เป็นแบบอย่างให้กับตัวเอกของพวกเขา โดยต่อยอดจากสิ่งที่เรารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพวกเขาด้วยส่วนโค้งของตัวละครที่ไถ่ถอน

9. หุ่นยนต์ (2548)

ภายใต้การกำกับของคริส เวดจ์และคาร์ลอส ซัลดานา “Robots” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นผจญภัยที่เกิดขึ้นในโลกอนาคตที่มีหุ่นยนต์อาศัยอยู่ทั้งหมด เรื่องราวมีศูนย์กลางอยู่ที่ร็อดนีย์ คอปเปอร์บอตท่อม นักประดิษฐ์หนุ่มผู้ทะเยอทะยานผู้ใฝ่ฝันที่จะสร้างความแตกต่าง ร็อดนีย์ออกเดินทางสู่เมืองโรบ็อต เมืองที่พลุกพล่านเพื่อไล่ตามความฝันของเขา เมื่อไปถึงที่นั่น เขาค้นพบว่าเมืองนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าที่เขาจินตนาการไว้

ขณะที่ร็อดนีย์เผชิญกับความท้าทายในเมืองโรบ็อต เขาได้พบกับหุ่นยนต์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละตัวก็มีนิสัยและบุคลิกเป็นของตัวเอง โครงเรื่องพลิกผันเมื่อร็อดนีย์ค้นพบแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ชั่วร้ายซึ่งคุกคาม Robotkind ทั้งหมด ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ของเขา รวมถึงเฟนเดอร์ (โรบิน วิลเลียมส์) ผู้มีเสน่ห์ ร็อดนีย์ต้องเผชิญหน้ากับบอทที่สมคบคิดและนำมาซึ่งการปฏิวัติ เช่นเดียวกับวองก้า ร็อดนีย์เป็นนักประดิษฐ์ที่ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก แต่ถูกขัดขวางโดยตัวละครผู้มีอำนาจที่น่าสงสัย ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องผสมผสานอารมณ์ขัน หัวใจ และโลกที่มีชีวิตชีวาเพื่อมอบประสบการณ์อันน่ารื่นรมย์ด้วยธีมมิตรภาพที่ซ่อนอยู่และการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

8. ดูลิตเติ้ล (2020)

'ดูลิตเติ้ล' นำโดยสตีเฟน กาแกน นำเสนอการผจญภัยสุดแปลกกับชายที่สามารถพูดคุยด้วยได้ สัตว์ , ดร.จอห์น ดูลิตเติ้ล (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ดูลิตเติ้ลแยกตัวอยู่ในคฤหาสน์หลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเขาก็พลิกผันอย่างไม่คาดคิดเมื่อพระราชินีวิกตอเรียทรงพระประชวรหนัก เพื่อค้นหาวิธีรักษา ดูลิตเติ้ลซึ่งสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ จึงออกเดินทางสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายไปยังเกาะในตำนาน มาพร้อมกับเพื่อนร่วมทางสัตว์นานาชนิด ดูลิตเติ้ลต้องเผชิญกับทะเลที่ทรยศ เผชิญหน้ากับศัตรูที่ดุร้าย และคลี่คลายแผนการสมรู้ร่วมคิด

เนื้อเรื่องผสมผสานระหว่างอารมณ์ขัน เสน่ห์ และช่วงเวลาที่อบอุ่นใจ ขณะที่ดูลิตเติ้ลและผองเพื่อนสัตว์ที่ผสมผสานของเขาต้องฝ่าฟันความท้าทายเพื่อปกป้องราชินีและสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่อาศัยอยู่ในเกาะลึกลับ ทั้ง 'วองก้า' และ 'ดูลิตเติ้ล' มีการผจญภัยที่แปลกประหลาดเช่นเดียวกัน โดยมีตัวละครและสถานการณ์สุดฮากระจายอยู่ทั่ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ของพวกเขาพร้อมกับธีมของความยืดหยุ่น มิตรภาพ และความสำคัญของการเปิดรับความสามารถเฉพาะตัว

7. ชิตตี้ ชิตตี้ ปัง ปัง (1968)

โดยมีเคน ฮิวจ์นั่งเก้าอี้ผู้กำกับ 'Chitty Chitty Bang Bang' จะทำให้เรื่องราวมหัศจรรย์ของนักประดิษฐ์ผู้แปลกประหลาดอย่าง Caractacus Potts กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในชนบทอันงดงามของอังกฤษ พอตส์กู้รถเก่าคันหนึ่งมาแปลงโฉมเป็นยานพาหนะมหัศจรรย์ชื่อ ชิตตี้ ชิตตี้ แบง แบง ซึ่งสามารถขับ ล่องเรือ และบินได้ เมื่อพอตส์ ลูกๆ และภรรยาของเขาเริ่มต้นปิกนิกริมทะเล รถมหัศจรรย์คันนี้เผยให้เห็นความสามารถพิเศษของมัน และพาพวกเขาไปสู่การเดินทางที่น่าตื่นเต้น

เรื่องราวพลิกผันอย่างน่าหลงใหลเมื่อครอบครัวพบว่าตัวเองอยู่ในดินแดนวัลแกเรีย ซึ่งปกครองโดยบารอน บอมเบอร์สต์ผู้ชั่วร้ายและภรรยาสุดแปลกของเขา เทียบได้กับ 'Wonka' 'Chitty Chitty Bang Bang' เป็นการผจญภัยทางดนตรีสุดแปลกที่เกี่ยวข้องกับนักประดิษฐ์และการหลบหนีอันมหัศจรรย์ของเขา ด้วยความคล้ายคลึงกันเพิ่มเติมที่พบในเรื่องไร้สาระเฮฮาและตัวละครที่แปลกประหลาด แฟน ๆ ของ 'Wonka' จะพบว่าตัวเองกำลังเต้นไปตามจังหวะของนิทานครอบครัวสุดคลาสสิก

6. พบกับโรบินสัน (2550)

'Meet the Robinsons' กำกับโดยสตีเฟน เจ. แอนเดอร์สันติดตามการเดินทางของลูอิส นักประดิษฐ์ที่เก่งแต่กำพร้าและหลงใหลในการสร้างสรรค์อุปกรณ์พิเศษ ชีวิตของลูอิสพลิกผันอย่างน่าตื่นเต้นเมื่อวิลเบอร์ โรบินสัน เด็กชายเดินทางข้ามเวลาพาเขาไปสู่อนาคต พวกเขาออกเดินทางร่วมกันเพื่อขัดขวางแผนการอันชั่วร้ายของ Bowler Hat Guy ผู้ชั่วร้าย

ขณะที่ลูอิสพบกับความแปลกประหลาดของครอบครัวโรบินสันและอุปกรณ์ล้ำยุคของพวกเขา เขาก็ค้นพบความจำเป็นที่จะต้องย้อนเวลากลับไปในอดีตและค้นหาครอบครัวของเขา การผจญภัยของดิสนีย์มีอารมณ์ขันเหมือนกันกับ 'วองก้า' ทั้งคู่มีตัวร้ายจอมป่วนที่มีความไร้สาระและตลกขบขันนำไปสู่ช่วงเวลาที่ตีโพยตีพาย

5. เดอะ บีเอฟจี (2016)

ผู้กำกับชื่อดัง สตีเว่น สปีลเบิร์ก เล่าเรื่องราวอันน่าหลงใหลของโซฟี เด็กกำพร้าที่ได้พบกับยักษ์ที่เป็นมิตร (BFG) ในเมืองลอนดอนอันพลุกพล่าน ในตอนแรกโซฟีกลัวจนหมดสติ ไม่นานเธอก็ค้นพบว่าไม่ใช่ว่ายักษ์ทุกตัวจะเป็นอันตราย BFG ซึ่งเป็นยักษ์ผู้อ่อนโยน พาโซฟีไปยังเมืองยักษ์ ซึ่งเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของยักษ์ชั่วร้ายที่กลืนกินลูกมนุษย์และกลั่นแกล้ง BFG

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะหยุดพวกเขา โซฟีและ BFG จึงออกเดินทางเพื่อชักชวนราชินีแห่งอังกฤษให้ช่วยขัดขวางแผนการชั่วร้ายของยักษ์ใหญ่ เช่นเดียวกับ 'Wonka' 'BFG' ก็ดัดแปลงมาจากนวนิยายคลาสสิกเรื่องหนึ่งของ Roald Dahl เช่นกัน ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องมีการผสมผสานอารมณ์ขัน มิตรภาพ และการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ในโลกจินตนาการ

4. ชุดเหตุการณ์โชคร้ายของ Lemony Snicket (2004)

โดยมีผู้กำกับแบรด ซิลเบอร์ลิงเป็นผู้กำกับ 'A Series of Unfortunate Events ของเลโมนี สนิกเก็ต' ติดตามเรื่องราวโศกนาฏกรรมของเด็กกำพร้าโบดแลร์ ได้แก่ ไวโอเล็ต เคลาส์ และซันนี่ พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ลึกลับ ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในความดูแลของเคานต์โอลาฟ (จิม แคร์รี่ย์) ผู้ชั่วร้าย เด็กกำพร้าต้องอดทนกับเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ มากมาย ขณะที่โอลาฟวางแผนยึดทรัพย์สมบัติที่สืบทอดมา ความยืดหยุ่นและความเฉลียวฉลาดของเด็ก ๆ กลายเป็นทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาเมื่อพวกเขาสำรวจโลกที่เต็มไปด้วยตัวละครที่แปลกประหลาดและแผนการที่น่ากลัว

ในการเผชิญหน้าแต่ละครั้ง พวกเขาจะค้นพบเบาะแสเกี่ยวกับอดีตของพ่อแม่และสมาคมลับที่เกี่ยวข้องกับความโชคร้ายของพวกเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือชุดของ Daniel Handler ที่ผสมผสานอารมณ์ขันอันมืดมน สุนทรียศาสตร์แบบโกธิก และความรู้สึกของการผจญภัยอันเศร้าโศก เช่นเดียวกับวองก้า เด็กกำพร้าโบดแลร์มีคนเพียงไม่กี่คนที่พวกเขาสามารถพึ่งพาได้ และใช้ความเฉลียวฉลาดของตนเองเพื่อเอาชนะอุปสรรค ภาพยนตร์เรื่องนี้ตัดกันทางสายตาของ 'Wonka' ขณะเดียวกันก็จับคู่อารมณ์ขันที่ไร้สาระและเรื่องราวของการต่อสู้กับบุคคลสมคบคิด

3. เขาวงกต (1986)

'Labyrinth' เชิญชวนเราเข้าสู่อาณาจักรมหัศจรรย์ที่ก็อบลินและสิ่งมีชีวิตวิเศษอาศัยอยู่ในโลกที่ท้าทายความเข้าใจ หัวใจของเรื่องคือซาราห์ วัยรุ่นที่ผิดหวังกับความรับผิดชอบของเธอ และปรารถนาให้น้องชายของเธอไปโดยไม่ตั้งใจ ราชาก็อบลินจาเร็ธ (เดวิด โบวี่) คว้าโอกาสนี้โดยพาเด็กทารกไปยังปราสาทเขาวงกตของเขา ซาราห์เริ่มต้นภารกิจผ่านเขาวงกตอันซับซ้อนเพื่อช่วยเหลือน้องชายของเธอภายในเวลาที่กำหนดสิบสามชั่วโมงก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นก็อบลินอย่างถาวร

ภายใต้การดูแลของจิม เฮนสัน เขาวงกตกลายเป็นฉากหลังที่เปรียบเทียบการเติบโตส่วนบุคคลของซาราห์ ในขณะที่เดวิด โบวีแสดงการแสดงอันโดดเด่นที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันน่าพิศวง สำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัยทางดนตรีของ 'Wonka' 'Labyrinth' จะมอบประสบการณ์อันไพเราะที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันซุกซนในโลกที่น่าตื่นเต้น

2. ฮุค (1991)

'Hook' กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก นำเราไปสู่เนเวอร์แลนด์ ที่ซึ่งปีเตอร์ แพน (โรบิน วิลเลียมส์) เติบโตขึ้นมาและลืมอดีตอันมหัศจรรย์ของเขา ตอนนี้เป็นทนายความของบริษัท เขาค้นพบรากฐานของตัวเองอีกครั้งเมื่อกัปตันฮุกลักพาตัวลูกๆ ของเขา ด้วยความช่วยเหลือของทิงเกอร์ เบลล์ (จูเลีย โรเบิร์ตส์) ปีเตอร์ถูกนำตัวกลับไปยังเนเวอร์แลนด์ ซึ่งเขาต้องตระหนักถึงตัวตนที่ถูกลืมของเขาในฐานะปีเตอร์ แพนในตำนาน

ในตอนแรกเขาพยายามดิ้นรนที่จะยอมรับความเป็นเด็กในตัวเขาและแนวคิดเรื่องจินตนาการ ปีเตอร์ค่อยๆ ค้นพบเวทมนตร์ที่กำหนดนิยามเนเวอร์แลนด์อีกครั้ง เช่นเดียวกับ 'Wonka' 'Hook' ติดตามเรื่องราวจากภาคก่อนคลาสสิกและสร้างเรื่องราวขึ้นมาด้วยการสำรวจตัวละครให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนำเสนอการเดินทางที่ซาบซึ้งและดึงดูดสายตา ซึ่งรวบรวมจินตนาการของเราและโดนใจผู้ชมทุกวัย

1. วิลลี่วองก้าและโรงงานช็อกโกแลต (1971)

'Willy Wonka & the Chocolate Factory' กำกับโดย Mel Stuart เป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่นำ Willy Wonka เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก นักทำช็อกโกแลตสุดแหวกแนวเชิญชวนผู้ชนะรางวัลตั๋วทอง 5 คนให้มาเยี่ยมชมโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์ของเขา เด็ก ๆ ที่โชคดี รวมถึงชาร์ลี บัคเก็ต ผู้เป็นที่รัก สัมผัสประสบการณ์การผจญภัยเหนือจริงที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาและขนมหวานมหัศจรรย์ โรงงานของ Wonka คือสนามเด็กเล่นที่มีห้องต่างๆ ที่น่าหลงใหล ตั้งแต่เครื่องดื่มชูกำลังไปจนถึงวอลเปเปอร์ที่กินได้

หัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การเดินทางของชาร์ลี เด็กหนุ่มผู้ถ่อมตัวบนเส้นทางที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับมรดกของวองก้า ขณะที่ทั้งกลุ่มเผชิญหน้ากับอุมปา-ลูมพัสจอมซนและทำการทดสอบแปลกๆ ของวองก้า เด็กแต่ละคนต้องเผชิญกับผลที่ตามมาจากข้อบกพร่องของตนเอง หากคุณหลงใหลในโลกของ 'วองก้า' ภาคก่อนอันเหนือกาลเวลาจะกลายเป็นสิ่งที่คุณต้องชม ภายในโรงงานช็อกโกแลต ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานความแฟนตาซี ศีลธรรม และความอ่อนหวานของความมหัศจรรย์แบบเด็กๆ เข้ากับประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่น่าเอร็ดอร่อย